ในชวิตของมนุษย์เรานั้นมีความเกี่ยวข้องกับอิเล็กทรอนิกส์แทบจะทุกเวลา เพราะสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรานั้นล้วนอาศัยความรู้ทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ในการสร้างแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า ยานพาหนะ อุปกรณ์ติดต่อสื่อสาร และอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์
ความเป็นมาของอิเล็กทรอนิกส์
การพัฒนาเทคโนโลยีทางอิเล็กทรอนิกส์นั้น เกิดขึ้นจากการพัฒนาความรู้ทางด้านไฟฟ้า (Electricity) ของนักวิทยาศาสตร์โบราณ โดยเริ่มตั้งแต่
เมื่อ 600 ปี ก่อนคริสต์ศักราช ทาลีส (Thales) เขาได้นำแท่งอำพันถูกับผ่าขนสัตว์ แท่งอำพันจะสามารถดูดสิ่งของต่างๆ ที่มีน้ำหนักเบาได้ เขาจึงเรียกอำนาจนี้ว่า อิเล็กตรอน (Electron) ซึ่งมาจากคำภาษากรีกว่า อีเล็กตร้า (Elektra)
ปี พ.ศ. 2103 วิลเลียม กิลเบิร์ต (William Gilbert) ได้ทดลองและค้นคว้าเกี่ยวกับแม่เหล็กและไฟฟ้า เขาได้ทำการทดลองโดยนำเอาแท่งแก้วและยางสนมาถูกับผ้าแพรและผ้าขนสัตว์ และนำมาลองดูดกับวัตถุเบาๆ วัตถุนั้นสามารถดูดติดขึ้นมาได้ เขาจึงตั้งชื่อชื่อไฟฟ้าที่เกิดขึ้นว่า Electricity และได้ตีพิมพ์หนังสือ De Magnette ต่อมาเขาก็ได้ถูกยกย่องให้เป็นบิดาแห่งไฟฟ้า
ปี พ.ศ. 2280 เบนจามิน แฟรงคลิน (Benjamin Franklin) ได้ค้นพบไฟฟ้าในอากาศ โดยทดลองนำว่าวขึ้นลอยในอากาศในขณะที่เกิดพายุฝนโดยมีกุญแจผูกติดกับสายป่าน เมื่อเขาเอามือไปใกล้กุญแจก็จะเกิดประกายไฟฟ้ามายังมือของเขา ต่อมา เบนจามิน แฟรงคลิน ก็สามารถประดิษฐ์สายล่อฟ้าเป็นคนแรกของโลก
ปี พ.ศ. 2333 อาเลสซานโดร จูเซปเป อันโตนิโอ อนาสตาซิโอ โวลตา (Alessandro Giuseppe Antonio Anastasio Volta) ได้ค้นพบไฟฟ้าที่เกิดจากปฏิกิริยาเคมี โดยนำทองแดงกับสังกะสีจุ่มในกรดกำมะถันหรือกรดซัลฟิวริก โลหะทั้งสองจะทำปฏิกิริยาเคมีกับน้ำยาเคมีทำให้เกิดไฟฟ้าฟ้าขึ้น และเรียกการทดลองนี้ว่า วอลเทอิก เซลล์ (Voltaic Cell) ต่อมาก็ได้การนำแนวคิดนี้มาสร้างเป็นเซลล์แบตเตอรี่
ปี พ.ศ. 2375 ไมเคิล ฟาราเดย์ (Michael Faraday) ได้พิสูจน์ว่าพลังงานไฟฟ้าถูกเหนี่ยวนำจากแม่เหล็ก ซึ่งเป็นหลักการของมอเตอร์ไฟฟ้า และไฟฟ้าสถิตมีอยู่ในทุกๆ ที่
ปี พ.ศ. 2422 โทมัส อัลวา เอดิสัน (Thomas Alva Edison) เขาประดิษฐ์หลอดไฟเป็นคนแรกของโลก และผู้ทำให้เราเข้าใจหลักการของไฟฟ้า ซึ่งสิ่งประดิษฐ์ของเขาทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์ทุกๆ คนดีขึ้น
ปี พ.ศ. 2423 นิโคลา เทสลา (Nikola Tesla) ได้สร้างเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ (AC : Alternating Current) ซึ่งสามารถส่งผ่านกระแสไฟฟ้าได้ระยะทางที่มากกว่าไฟฟ้ากระแสตรง (DC : Direct Current)
ปี พ.ศ. 2370 จอร์จ ไซมอน โอห์ม (George Simon Ohm) ได้คิดวิธีการวิเคราะห์วงจรไฟฟ้าด้วยกฎของโอห์ม (Ohm's Law)
นักวิทยาศาสตร์เหล่านี้ทำให้วิทยาศาสตร์ด้านไฟฟ้าเจริญรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นผลให้เกิดความรู้แขนงใหม่ขึ้นมา คือ อิเล็กทรอนิกส์
ประเภทของวงจรอิเล็กทรอนิกส์
- วงจรอนุกรม
- วงจรขนาน
- วงจรผสม
ประเภทของวงจรอิเล็กทรอนิกส์ แบ่งตามลักษณะของสัญญาณ
- อะนาล็อก [Analog]
- ดิจิทัล [Digital]
เครื่องมือวัดทางอิเล็กทรอนิกส์
- แอมมิเตอร์
- โวลต์มิเตอร์
- มัลติมิเตอร์
-- อนาล็อก
-- ดิจิตอล
- ฟังก์ชันเจนเนอร์เรเตอร์ [Function Generator]
- พัลส์เจนเนอร์เรเตอร์ [Pulse Generator]
- สวีฟเจนเนอร์เรเตอร์ [Sweep generator]
- ออสซิลโลสโคป [Oscilloscope]
-- แบบพกพา [Handheld Oscilloscope]
-- แบบวางโต๊ะ [Desktop Oscilloscope]
-- Analog Oscilloscope
-- Digital Oscilloscope
- Multiscope
เว็บไซต์ที่เกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์
https://commandronestore.com/products/ba005.php
http://www.ayarafun.com/2016/03/top-10-online-electronics-design-automation
https://www.instructables.com/Logic-Gates-with-NPN-transistors/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น